วันอังคารที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2552

เทวดาหรือปีศาจ




" มนุษย์เรานั้นเป็นทั้งเทวดาและปีศาจร้าย ในตัวเดียวกัน " คำกล่าวนี้ตราตรึงใจผมยิ่งนัก เมื่อได้ยินครั้งแรกจาก อ.ประสาน ต่างใจ
บรมครูทางด้านการพัฒนาจิตวิญญาณ หนึ่งในสมาชิกกลุ่มจิตวิวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิ

ใน ประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ มนุษย์ได้รังสรรค์ผลงานความคิด ศิลปะ วัฒนธรรมอันทรงคุณค่าไว้มากมาย แต่ในทางกลับกัน ก็ได้ฝากผลงานอันชั่วร้ายที่มาพร้อมกับการทำลายล้างอีกนับไม่ถ้วน..

ปราชญ์ หลายท่านเคยกล่าวไว้ว่า ในตัวมนุษย์เรานั้น มีเมล็ดพันธุ์อยู่มากมายหลายชนิด เมล็ดพันธุ์แห่งความเสียสละ เมล็ดพันธุ์แห่งความเห็นแก่ตัว เมล็ดพันธุ์แห่งความกล้า เมล็ดพันธุ์แห่งความกลัว เมล็ดพันธุ์แห่งความรัก เมล็ดพันธุ์แห่งความเกลียดชัง เมล็ดพันธุ์เหล่านี้จะแสดงบทบาทของมัน ออกดอกออกผลเมื่อเราหมั่นรดน้ำให้กับมันทุกวี่วัน และทุกวันนี้เมล็ดพันธุ์ด้านมืดได้ถูกรดน้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่า ใส่ปุ๋ยชนิดพิเศษนานาชนิด เร่งให้โตวันโตคืน ผ่านสื่อต่าง ระบบการศึกษา ครอบครัว โรงเรียน และสังคม ดอกผลของมันก็เป็นที่ชินตากันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ไม่ว่าจะเป็นสังคมที่มีแต่การแก่งแย่งแข่งขัน การยึดมั่นถือมั่นในอัตตา ความเห็นแก่ตัว ความหลงใหลในวัตถุนิยม ความยากจน และอีกหลากหลายปัญญหานับไม่ถ้วน....

ผมไม่ได้กล่าวโทษและเกลียดชังสังคมทุกวันนี้ แต่กลับเห็นใจ ผมเห็นแววตาของความหวาดกลัวซ่อนอยู่ภายใต้ใบหน้าของคนเหล่านี้
" ความกลัว " หนึ่งในเมล็ดพันธุ์ที่อวบอิ่ม โตเร็ว และพร้อมจะระเบิดและออกดอกออกผลได้ทุกเมื่อและเร็วกว่าที่ใครจะคาดเดาได้
คน เราส่วนใหญ่ทุกวันนี้ดำรงชีวิตด้วยความกลัว ขับเคลื่อนร่างกาย ความคิด ด้วยความรู้สึกกลัว หลายคนกลัวความไม่มั่นคง หลายคนกลัวอนาคต หลายคนกลัวอดีต อีกหลายๆ คนกลัวสิ่งที่ตนไม่รู้ว่ามันคืออะไร

ทำไมเด็กหรือหลายๆ คนถึงกลัวความมืด ? เพราะเวลาที่เรามองไม่เห็นอะไรเลยนั้น เราไม่มีทางรู้เลยว่ารอบข้างเรานั้นมีอะไรที่เป็นอันตราย และกำลังจะคุกคามเราบ้าง ลองจินตนาการหากคุณต้องอยู่ในห้องที่ไม่รู้จักและมืดมิด สัก 24 ช.ม. คุณจะรู้สึกอย่างไร บางคนอาจอยู่ไม่ได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว

ดอกผล ของความกลัวนั้นมีมากมายให้เราเห็นในสังคมทุกวันนี้ คนที่กลัวความไม่มั่นคงทำทุกอย่างเพื่อให้ตนเองรู้สึกว่าชีวิตนั้นมั่นคง โดยไม่รู้เลยว่า ความมั่นคงเป็นเพียงภาพมายา เพราะทุกสิ่งล้วนเป็นอนิจจัง เขามีชีวิตอยู่เพื่อต้องการไขว่คว้าหาลาภยศ เงินทอง ชื่อเสียง การงานที่ดีมีฐานะ มั่นคง การเงินที่ร่ำรวย โลกของทุนนิยมสอนให้เรารู้ว่า " เงิน " คือตัวชี้วัดความมั่นคง ทุกคนจึงทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่ง " เงิน " แรงขับเคลื่อนนี้มหาศาลยิ่งนัก ทำให้คนกลายเป็นปีศาจที่ฆ่าได้แม้กระทั่งพ่อแม่ หรือลูก ของตัวเอง

พระ อาจารย์ไพศาล วิสาโล เคยกล่าวไว้ว่า คนเราแสวงหาความมั่นคงเพราะคนเรานั้นกลัวตาย จึงแสวงหาอะไรก็ตามที่ทำให้ตนเองรู้สึกว่าไม่ตาย หรือเป็นอมตะ และจะคงอยู่ตลอดไป คนเราจึงพยายามดิ้นรน สู้กับความตายมาเนิ่นนาน

หลาย คนคงเคยได้ยิน " เมื่อคนเราใกล้ตาย ธาตุแท้ของคนๆ นั้นจะปรากฏออกมา " สัญชาตญาณของการเอาตัวรอด ซึ่งมีอยู่ในสิ่งมีชีวิตทุกชนิด จะควบคุมร่างกายและจิตใจ ให้กลายร่างเป็นปีศาจร้ายที่พร้อมจะขย้ำทุกชีวิตเพื่อให้ตนเองอยู่รอด

ลอง จินตนาการว่า หากเรื่องราวในหนังภัยพิบัติ มนุษย์ต่างดาวบุกโลก อาชญากรชั่วร้ายครองเมือง ทั้งหลาย เกิดขึ้นจริงใกล้บ้านคุณ ในเมืองที่คุณอาศัยอยู่ จะเกิดอะไรขึ้น ?

คุณจะทำอย่างไร หากน้ำเหนือทะลัก น้ำทะเลหนุนสูง ทำให้น้ำท่วมกรุงเทพไม่ต่ำกว่า 2 เมตร ระบบประปาล่มเพราะน้ำท่วมสูงกว่าคลองประปา ระบบไฟฟ้าไม่ทำงาน การจราจรใช้การไม่ได้ ธนาคารปิด ร้านค้า ห้าง ร้านอาหาร ไม่มีที่ไหนที่คุณจะพึ่งพาได้ มีที่เดียวที่คุณยืนอยู่อาจโด่ดเดี่ยว หรือท่ามกลางญาติพี่น้อง ครอบครัว หรือคนที่เราไม่รู้จัก อาจเป็นที่ไหนซักแห่ง ดาดฟ้าตึกใบหยก สถานีบีทีเอส ลานจอดรถพารากอน หรือหลังคาบ้านของคุณ

สิ่งเดียวที่ผมรู้ เชื่อมั่นและศรัทธา ตอนนี้ ที่จะช่วยเราได้คือ " สติ " มันไม่ได้ใช่แค่การขับรถด้วยความไม่ประมาท หรือรู้ว่าตอนนี้ำกำลังโกรธอยู่ แต่มันจะเป็นสิ่งหนึ่งที่นำมาซึ่ง " ความกล้าหาญ " ที่จะดำรงอยู่ท่ามกลางสถานการณ์อันเลวร้าย และ " ปัญญา " ที่ทำให้เรารับมือกับสถานการณ์นั้นได้

ภัยพิบัติที่น่ากลัวที่สุด ไม่ใช่ อาวุธนิวเคลียร์ อาวุธชีวภาพ สึนามิ แผ่นดินไหว สตอร์มเซิร์ส น้ำท่วม หรือความหิวโหย แต่สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าทั้งหมดนี้ คือ " ความกลัวของมนุษย์ "

คุณเลือกได้ว่าคุณจะเป็นเทวดาที่คอยช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์หรือปีศาจร้ายที่คอยทำลายล้างทุกสิ่ง

จงตื่นเถิด นักรบแห่งชัมบาลาทั้งหลาย....

1 ความคิดเห็น:

0 กล่าวว่า...

ขอบคุณสำหรับเรื่องราว ความคิดที่น่าสนใจค่ะ